เป็นคำถามที่หลายคนอาจกำลังสงสัย เนื่องจากสภาพสังคมในปัจจุบัน ทำให้เรารู้สึกกดดัน มีความเครียดสะสมจนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ แต่อาการแบบไหนกันแน่ที่เรียกว่า “เครียด” และอาการแบบไหนที่เข้าข่าย “ซึมเศร้า” มาลองเช็กตัวเองไปพร้อม ๆ กัน
เครียด (Stress)
เป็นปฏิกิริยาของร่างกาย และจิตใจเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ และมักมีสาเหตุที่ชัดเจน
อาการ
- หงุดหงิดง่าย กระวนกระวาย สมาธิสั้น
- ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- นอนไม่หลับ
- อาจมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไป เช่น กินมากขึ้นหรือน้อยลง
ซึมเศร้า (Depression)
เป็นภาวะที่รุนแรงกว่าความเครียด ส่งผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ แม้ไม่มีเหตุการณ์มากระตุ้นโดยตรง สาเหตุอาจมาจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง ความเครียดสะสมหรือพันธุกรรม
อาการ
- หดหู่ สิ้นหวัง เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร/กินมากเกินไป
- นอนไม่หลับ/หลับมากเกินไป น้ำหนักเปลี่ยนแปลง
- คิดลบ มองโลกในแง่ร้าย มีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง
วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น
- ออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดความเครียด และกระตุ้นการหลั่งสารแห่งความสุข
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่ดีมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพจิตใจ
- หากิจกรรมที่ชอบทำ เพื่อช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด
- พูดคุยกับคนใกล้ชิด เพราะการระบายความรู้สึกช่วยลดความเครียดได้
หรืออีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลสมองได้อย่างครบวงจร เพื่อจัดการปัญหาความเครียดสะสม และภาวะซึมเศร้า
ขอแนะนำ เซเลบ อาหารเสริมบำรุงสมอง ซึ่งมีส่วนช่วยในการ
- ช่วยให้นอนหลับได้ง่าย และลึกขึ้น
- ทำให้เกิดสมดุลของสารสื่อประสาท
- บำรุงซ่อมแซมส่วนของสมองที่เสื่อม และเสียหาย
- บำรุง และเพิ่มปริมาณเลือดในการลำเลียงไปเลี้ยงสมอง
- ช่วยกำจัดสารพิษ และสารอนุมูลอิสระต่าง ๆ
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการ
- ซึมเศร้า แพนิค
- อัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน
- สมองไม่แล่น เฉื่อยชา
- หลงลืมง่าย ความจำระยะสั้นแย่ลง
- ปวดศีรษะเรื้อรัง ตาพร่ามัว
- ไม่มีสมาธิ อารมณ์แปรปรวน
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สดชื่น
